ชูวิทย์ แฉปมทำเกิดคดี ผู้กำกับโจ้ คลิปไม่หลุดถ้าทุกคนแฮปปี้

ชูวิทย์ แฉปมทำเกิดคดี ผู้กำกับโจ้ คลิปไม่หลุดถ้าทุกคนแฮปปี้

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซัดคดี ผู้กำกับโจ้ โพสต์ปมเกิดคดี เมืองนครสวรรค์ พื้นที่ทองคำ คลิปนไม่ทีทางหลุดเด็ดขาด หากทุกคนแฮปปี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย แสดงความเห็นคดีฉาว พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ผ่านเฟซบุ๊กของตัวเอง ระบุ คลิปจะไม่หลุดหากทุกคนบนโรงพักแฮปปี้ โพสต์นี้ นายชูวิทย์ ได้แสดงความเห็นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาของวันนี้ (27 ส.ค.64) หลังการแถลงข่าวใหญ่ที่ถูกวิจารณ์หนาหู เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา โดยรายละเอียดทั้งหมดของโพสต์ มีดังนี้

“เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัว ต้องบรรลัยกันไปข้างหนึ่ง”

ข่าวจับผู้กำกับฯโจ้ มือคลุมถุงบนโรงพักนครสวรรค์ดังทั่วประเทศ หมดสภาพตำรวจมือปราบ เคยจับโจรใส่กุญแจมือ ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้ต้องหาคดีหนัก ถูกใส่กุญแจมือนำมาแถลงข่าวเสียเอง ตอนแรกข่าวว่ารีดทรัพย์เอาเงินเพิ่มจาก 1 ล้าน เป็น 2 ล้าน ที่ผู้ต้องหาค้ายายอมรับจ่ายค่าตั๋ว “รอดคุก”

ตอนนี้กลายเป็นรีดข้อมูลยาทำเพื่อประชาชนไปเสียแล้ว ส่วนเมียของผู้ต้องหาที่ปล่อยไป ไม่พูดถึงว่าปล่อยไปได้ไงเมื่อถูกจับพร้อมกัน เรื่องนี้มีเงื่อนงำว่าอดีตผู้กำกับฯ มือปราบยาเสพติดจะทำดี แต่วิธีผิด หรือจะเอาเงินดำมาแบ่งใช้? นานๆ ไปหากคดียังอยู่โรงพักนครสวรรค์ ตอนจบอาจพลิกจากหนักเป็นเบา เสี่ยโจ้เขาแบ็คเบาที่ไหน

ที่แน่ๆ เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น และสังคมจะไม่ได้รู้ความจริง หากผู้กำกับฯโจ้ ในฐานะผู้นำหน่วยโรงพักพื้นที่ทองคำอย่างเมืองนครสวรรค์ดูแลจัดสรรผลประโยชน์ภายในโรงพักลงตัว คลิปนี้จะไม่ทีทางหลุดออกมาสู่สาธารณะโดยเด็ดขาด หากทุกคนในโรงพักแฮปปี้ จะไปหาเรื่องทุบหม้อข้าวตัวเองทำไม? เพราะขนาดตัวอดีตผู้กำกับฯโจ้ ที่แปรสภาพมาเป็นผู้ต้องหา ถึงกับเอ่ยวลีว่า “อโหสิกรรม” คนปล่อยคลิปนี้

จากประสบการณ์ผม อย่างนี้แสดงว่าทนไม่ไหวแล้ว การจัดสรรผลประโยชน์ภายในโรงพัก หรือหน่วยงานเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้นำหน่วย ที่จะต้องแบ่งสรรปันส่วนให้ได้ลงตัวไม่ขาดตกบกพร่อง หรืออย่างน้อย “ที่เคยได้ไม่ลดลง”

จะอ้างว่าตัวเองใหญ่ ผู้ใหญ่ส่งมาแล้วเปลี่ยนระบบใหม่ เคลียร์ตั๋วใหม่ให้เอามาไว้ที่ตัวเองคนเดียว แล้วจัดสรรลดลงได้ไง รายได้ที่เคยได้ ไม่ได้แล้ว หดหายไปเข้ากระเป๋าผู้กำกับฯ คนเดียว

ยิ่งช่วงนี้บ่อนก็ปิด โควิดก็มา ผับบาร์ไม่เปิด จะเอาที่ไหนยาไส้ ยังมาลดตั๋วลงอีก แบบนี้ไม่รู้เสียแล้ว อย่าพลาดแล้วกัน และอดีตผู้กำกับฯโจ้ ตำรวจหนุ่มอนาคตไกลก็พลาดหนักจนได้ มันไม่ใช่เรื่องของการทนเห็นไม่ได้ของตำรวจชั้นผู้น้อย หรือกลัวถูกฆ่าหรอกครับ

ไม่ได้เกี่ยวกับ “คุณธรรม” มันเป็นเรื่องของ “คุณเงิน” มากกว่า เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัวก็ต้องบรรลัยกันไปข้างหนึ่ง เรื่องนี้สะท้อนถึงระบบผลประโยชน์ที่ขัดแย้ง ภาพลักษณ์องค์กรตำรวจจึงถูกประจานออกมาให้เห็นตะลึงกันทั้งประเทศ ผู้ใหญ่ในวงการตำรวจย่อมรู้ดี เรียกว่า หากงานนี้เกลี่ยลงตัวทุกคน ผู้กำกับฯโจ้ ยังสามารถเจริญรอยตามรุ่นพี่ได้สบายๆ รุ่งเรืองเป็นเบอร์หนึ่งของรุ่นต่อไป

จึงเป็นประสบการณ์ให้ตำรวจทุกคนเห็นว่า “อย่าทำอย่างโจ้” ไม่ใช่เรื่องเอาถุงคลุมหัวรีดผู้ต้องหา

แต่ต้อง “อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ เกลี่ยรายได้ให้ลงตัวให้ได้ “ หากอยู่โรงพักเกรดทองไม่เป็น ผลลัพธ์จะเป็นแบบโจ้ ที่เล่นกันถึงขนาดเข้าคุกตลอดชีวิต

ผช.เลขาธิการแพทยสภา ตอบไม่ได้ว่า ผู้ต้องหายาเสพติดคดีผู้กำกับโจ้ เสียชีวิต เมื่อไหร่

ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ผู้ต้องหายาเสพติดคดีผู้กำกับโจ้ เสียชีวิตเมื่อใด รวมถึงชี้ว่าผลชันสูตรพลิกศพมีข้อจำกัด นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา ให้สัมภาษณ์ในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ทางช่อง MCOT HD 30 ถึงเรื่องผลชันสูตรของนายจิระพงศ์ ผู้ต้องหายาเสพติด หลังถูก พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้และพวกใช้ถุงคลุมศีรษะจนเสียชีวิต

โดย นพ.เมธี ระบุว่า ในทางการแพทย์ ทันทีที่มีการเสียชีวิตเกิดขึ้นในโรงพยาบาล ญาติผู้เสียชีวิตจะต้องการใบรับรองการเสียชีวิตของคนไข้ เพื่อนำไปประกอบการทำใบมรณบัตรต่อไป ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ว่าถ้าคนไข้เสียชีวิตภายในโรงพยาบาล ให้เป็นหน้าที่ของแพทย์เป็นผู้ยืนยันการเสียชีวิต ซึ่งนอกจากจะสามารถบอกรายละเอียดของผู้เสียชีวิตรวมถึงสาเหตุการเสียชีวิต ยังใช้ในการเก็บข้อมูลสถิติสาเหตุในการเสียชีวิตอีกด้วย

เพราะฉะนั้น แพทย์จะต้องกรอกว่าสาเหตุการเสียชีวิต “ทางการแพทย์” คืออะไร เช่น หัวใจล้มเหลว หยุดหายใจ หัวใจวาย แต่จะมีบางกรณีที่แพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต เพราะคนไข้เสียชีวิตกะทันหันหรืออาจพึ่งถูกส่งมาโรงพยาบาลและเสียชีวิตทันที แต่ทางกฎหมายกำหนดให้ออกใบรับรองโดยด่วน เพราะต้องแจ้งนายทะเบียนภายใน 24 ชม. หลังเสียชีวิต แพทย์จึงจำเป็นต้องกรอกตามความเข้าใจไปก่อนในเบื้องต้น

นพ.เมธี เปิดเผยว่า หากมีการติดใจในสาเหตุการเสียชีวิตเกิดขึ้น เช่นกรณีนี้ ทางการแพทย์จะดำเนินการชันสูตรศพเป็นขั้นตอนต่อไป โดยผลชันสูตรศพที่ได้มาก็จะบอกได้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตที่แพทย์ระบุไปถูกต้องหรือไม่ เพราะการชันสูตรเป็นการนำเนื้อของศพไปตรวจในห้องปฏิบัติการ กรณีใดที่เสียชีวิตและมีเหตุสงสัยสามารถยื่นเรื่องขอชันสูตรได้ ใบผลชันสูตรศพจึงเป็นใบสำคัญที่สุดในกรณีที่เกิดปัญหา

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป