สรุป ไทม์ไลน์ เหตุ จับตัวประกัน รถเมล์สาย 8 เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 สิงหาคม พบคนร้ายเครียดเนื่องจากตกงานนาน 5 เดือนและต้องดูแลแม่เพียงคนเดียว ย้อนกลับไปเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 สิงหาคม ได้เกิดเหตุอุกอาจขึ้นใจกลางเมือง หลังจากที่ วัยรุ่นอายุ 24 ปีใช้อาวุธปืน บังคับคนขับรถเมล์และพนักงานเก็บค่าโดยสาร สาย 8 บริเวณแฮปปี้แลนด์สาย 1 เคราะห์ดีสถานการณ์ได้คลี่คลายอย่างสงบ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุครั้งนี้
ซึ่งทางทีมข่าวไทยเกอร์ได้ขอย้อนไทม์ไลน์สรุปเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
– เวลา 21.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุการณ์จี้บนรถเมล์ พบว่า คนร้ายคือ ผู้โดยสาร ที่ขึ้นรถมาแล้วก็จ่ายเงินค่าโดยสาร จากนั้นก็ไปนั่งเบาะหลังสุด กระทั่งรถสุดสายที่แฮปปี้แลนด์ คนร้ายไม่ยอมลง คนขับรถเมล์จึงเข้าไปถาม และอีกฝ่ายก็ชักปืนมาทันที ขู่ให้ขับรถกลับไปที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งเป็นต้นสาย
– ทางคนขับและกระเป๋ารถเมล์ ออกอุบายหลอกคนร้ายว่าจะต้องไปเซ็นเอกสารก่อน และหนีออกมาจากรถอย่างปลอดภัย เหลือแต่คนร้ายที่นั่งอยู่ในรถเพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ได้เข้าประชิด ล้อมดูสถานการณ์เงียบ ๆ
– เวลา 23.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว มีการประสานหน่วยอรินทราช 26 และมีการวางแผนร่วมกัน เข้าเจรจาคนร้ายให้มีการมอบตัว แต่ไม่เป็นผล และขอให้สื่อมวลชน หยุดการไลฟ์และถอยห่างจากจุดปฏิบัติการ
– เวลา 01.00 น. การเจรจาไม่เป็นผล เนื่องจากคนร้ายนอนหลับ ทางเจ้าหน้าที่ก็กำลังหาแนวทางเพื่อให้คนร้ายมอบตัว
– เวลา 02.00 น. แม่ของผู้ก่อเหตุ ได้เข้ามาเจรจากับลูกชาย มีการพูดคุยกันสักพัก แล้วเจ้าหน้าที่ก็บุกจับกุมสำเร็จ พาตัวไป สน.ลาดพร้าว เพื่อตรวจโควิด ต่อไป
จากการสอบถามเบื้องต้นพบว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการเครียดจากการตกงานมา 4-5 เดือน และต้องเป็นคนเลี้ยงดูแม่เพียงคนเดียว
ศาลสั่งจำคุกลูกสาว อาม่าฮวย 12 ปี คดีถอนเงิน 24 ล้านบาท
ศาลลงโทษจำคุก 12 ปี ลูกสาวลักทรัพย์ อาม่าฮวย ผู้เป็นแม่แท้ๆ ขณะนอนป่วย กว่า 24 ล้านบาท พฤติการณ์ร้ายแรงไม่รอการลงโทษ
วันที่ 17 ส.ค.64 ที่ศาลอาญาพระโขนง ศาลอ่านคำพิพากษา คดีอาญาหมายเลขดำ อ.1668/2563 (คดีหมายเลขแดง อ.942/2564) ที่ นางฮวย ศรีวิรัตน์ มารดา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางมาวดี ศรีวิรัตน์ จำเลย ลูกสาวเป็นจำเลย คดีลักทรัพย์
คดีนี้สืบเนื่องจาก นางฮวย ศรีวิรัตน์ อายุ 82 ปี ถูก นางมาวดี ศรีวิรัตน์ อายุ 53 ปี บุตรสาวแท้ๆ ทยอยถอนเงินในบัญชี เงินฝากที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีสวนหลวง กับสาขาถนนศรีนครินทร์ รวม 2 บัญชี เมื่อระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ถึงมกราคม 2559 โดยจำเลยได้ให้โจทก์ลงลายมือชื่อในใบถอนเงินในขณะที่โจทก์มีสติปัญญาไม่สมบูรณ์
ถอนเงินวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 57 จำนวน 12 ล้านบาท
วันที่ 18 มีนาคม 57 จำนวน 2 ล้านบาท
วันที่ 6 พฤศจิกายน 57 อีก 1 ล้านบาท
วันที่ 18 มกราคม 59 อีก 2,257,400 บาท รวม 24,757,400 บาท ขอให้ศาลลงโทษตามกฎหมาย
โดยศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุก 6 กระทงๆ ละ 2 ปี รวมจำคุก 12 ปี
เมื่อพิเคราะห์พฤติกรรมแห่งคดีแล้ว การกระทำความผิดของจำเลยเป็นการกระทำต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุพการีโดยใช้โอกาสที่จำเลยเป็นผู้ดูแลระหว่างโจทก์เจ็บป่วย ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ อีกทั้งเงินที่จำเลยลักไปเป็นเงินจำนวนสูงมากนับเป็นเรื่องร้ายแรง
ดังนั้นแม้ปรากฏว่าจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน กรณีก็ไม่เป็นเหตุให้รอการลงโทษ ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ศาลพิเคราะห์แล้ว จำเลยไม่มีพฤติการณ์หลบหนี จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาหลักประกัน 1,695,000 บาท โดยใช้ที่ดินพร้อมเงินสดเป็นหลักประกัน
นอกจากนี้ยังมีอีกคดีที่ศาลยังไม่ตัดสิน คือเลขคดีดำที่3228/62 อีก 250 ล้านบาท คดีอยู่ระหว่างพิจารณาคดี
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป