เครียด! ญี่ปุ่น พบผู้ป่วย โอมิครอน เคสแรก ไม่ทราบต้นตอ

เครียด! ญี่ปุ่น พบผู้ป่วย โอมิครอน เคสแรก ไม่ทราบต้นตอ

ทางการญี่ปุ่นเร่งตามหาต้นตอเชื้อหลังพบครอบครัว ญี่ปุ่น สามคนติด โอมิครอน จากในประเทศเป็นเคสแรก ทางการยืนยันไม่ปรับมาตรการโควิด เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม สำนักข่าว เกียวโด รายงานว่า ทางการญี่ปุ่นได้ประกาศว่าพวกเขาจะไม่ตึงเข้มมาตรการโควิดและจะเดินหน้าผ่อนปรนมาตรการ แม้ว่าจะมีการพบผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่ติดเชื้อจากในประเทศเคสแรก ในผู้ป่วยที่ไม่ได้ประวัติเดินทางจากต่างประเทศมาก่อนแต่อย่างใด

ทั้งนี้ทางการญี่ปุ่นระบุว่าพวกเขาจะทำงานกับเทศบาลนครและผู้เชี่ยวชาญในการคำนึงถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อไป

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ทางการในจังหวัดโอซาก้าพบสมาชิกครอบครัวสามคนที่ไม่เคยมีประวัติเดินทางไปยังต่างประเทศติดโควิดสายพันธุ์โอมิครอน โดยผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังรอผลตรวจสมาชิกในบ้านอีกสองคนว่าเป็นผู้ป่วยโอมิครอนหรือไม่

ทางการญี่ปุ่นพบผู้ป่วยโอมิครอนครั้งแรกในวันที่ 30 พฤศจิกายน เป็น ผู้ป่วยโควิดที่มีประวัติเดินทางมาจากประเทศ นามีเบีย ป่วยเป็นโควิดสายพันธ์โอมิครอน หลังจากที่เขาถูกพบเชื้อหลังเดินทางถึงสนามบินนาริตะประเทศญี่ปุ่น

ทำเนียบขาวออกมาเปิดเผยว่าผลตรวจ โควิด ของนาย โจ ไบเดน ออกมาเป็นลบ หลังจากที่ ปธน. ได้เดินทางไปพร้อมกับผู้ป่วยโควิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม สำนักข่าว NPR รายงานว่า นาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีผลตรวจโควิดเป็นลบ หลังจากเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวที่เดินทางไปนาย ไบเดน ด้วยเครื่องบิน แอร์ฟอสวัน ถูกตรวจพบว่าป่วยเป็นโควิด-19 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วและได้รับวัคซีนกระตุ้นแล้ว ขณะที่นายไบเดนได้ตรวจหาเชื้อถึงสามครั้ง ได้แก่ วันอาทิตย์ จันทร์ และวันพุธที่ผ่านมา ทั้งสามครั้งนายไบเดนมีผลตรวจออกมาเป็นลบ

ก่อนหน้านี้นาย ไบเดน เคยกล่าวว่า เนื่องจากโควิดโอมิครอนแพร่ระบาดได้ง่าย ดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะเห็นประชาชนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วติดโควิดก็มีมากเช่นกัน ซึ่งทุกสำนักงานจะมีการพบผู้ป่วยโควิด และไม่เว้นแต่ทำเนียบขาว

โดยทำเนียบขาวนั้นมีมาตรการที่เข้มงวดในป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยประธานาธิบดีต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อเป็นประจำ เช่นเดียวกันกับ เจ้าหน้าที่เดินทางหรือต้องเข้าประชุม กับนาย ไบเดน จะต้องเข้าตรวจหาเชื้อก่อนทุกครั้ง

งานวิจัยเผย อาการโควิดโอมิครอน ไม่รุนแรง หลังพบผู้ป่วยเข้า รพ. น้อยลง

สำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยแพร่งานวิจัยเกี่ยวกับ อาการโควิดโอมิครอน ซึ่งพบว่ามีอาการเบา แต่ยังหวั่นเนื่องจากโอมิครอนแพร่เชื่อได้เร็ว เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า จากการศึกษาหลักฐานเบื้องต้นพบว่า อาการของผู้ป่วยโควิดโอมิครอน เบากว่าโควิดสายพันธุ์อื่น โดยดูจากจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งลดลงราวๆร้อยละ 30 ถึง 70 เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น

อย่างไรก็ตามแม้ว่าโควิดโอมิครอนอาจจะมีความรุนแรงน้อยกว่าโควิดสายพันธุ์อื่น แต่การแพร่ระบาดที่รวดเร็ว อาจจะทำให้โรงพยาบาลไม่สามารถรองรับผู้ป่วยโควิดได้

ขณะเดียวกันจากผลการศึกษาของประเทศสกอตแลนด์ระบุว่า มีผู้ป่วยโควิดโอมิครอนเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพียงแค่ 15 ราย ซึ่งหากโควิดโอมิครอนมีพฤติกรรมเหมือนโควิดเดลต้า นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจะต้องมีผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาล 49 ราย

ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า การแพร่ระบาดที่รวดเร็วของโอมิครอนนั้น อาจจะลบล้างอาการที่เบาของโควิดสายพันธุ์ดังกล่าว พร้อมระบุว่าจากการศึกษายังมีผู้ป่วยจำนวนไม่มากที่เสี่ยงต่อโควิดโอมิครอน

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการรายงานว่าผู้ป่วยโควิดโอมิครอน ไม่แสดงอาการรุนแรง โดย นาย แอนโธนี เฟาซี อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อในสหรัฐฯ ได้ออกมากล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดโอมิครอนว่า จากการตรวจสอบรายงานในแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่พบโควิดสายพันธุ์ดังกล่าว ไม่พบว่าจำนวนผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลสูงขึ้นมาก

รวมไปถึง ดร.แอนเจลีเก คูตซี ประธานสมาคมการแพทย์แห่งแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นผู้ค้นพบโควิดโอไมครอน ที่เป็นจับตาอยู่ในขณะนี้เป็นคนแรก โดยแพทย์หญิงคนดังกล่าวระบุว่าผู้ป่วยโควิดโอไมครอนส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรงและสามารถรักษาตัวที่บ้านได้

ทั้งนี้หลายฝ่ายเชื่อว่าโควิดโอมิครอนสามารถแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว โดยดูได้จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ผู้ป่วยโควิดใหม่กว่าร้อยละ 70 ป่วยเป็นโควิดโอมิครอน และกลายเป็นโควิดสายพันธุ์หลัก แม้จะเพิ่งถูกค้นพบได้เพียงสามสัปดาห์ก็ตาม

เตือนอีกครั้งระหว่างวันที่ 5-9 กันยายน 2565 กรุงเทพมีฝนตกหนักหลายแห่งเสี่ยงน้ำท่วมขัง ส่งผลต่อการเดินทางคมนาคมในพื้นที่ ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมเช็กเรดาร์ฝนทุกครั้ง และติดตามอัปเดตสภาพอากาศฝนตกกทม. ที่นี่ได้เลยครับ.

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป